กรองอากาศ vs เครื่องฟอกอากาศ ต่างกันอย่างไร?

เปรียบเทียบกรองอากาศ และ เครื่องฟอกอากาศว่าควรเลือกใช้งานอย่างไรจึงเหมาะสม

ในยุคปัจจุบันเราจะพบว่าเราอยู่ในยุคที่คุณภาพอากาศกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพของผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับอุปกรณ์ที่ช่วยจัดการกับมลภาวะภายในบ้าน หรือ สถานที่ทำงานโดยนำอุปกรณ์ต่างมาเป็นตัวช่วย เช่น “กรองอากาศ” และ “เครื่องฟอกอากาศ” ซึ่งแม้ฟังดูคล้ายกัน แต่ทั้งสองอุปกรณ์นี้มีหน้าที่ และ การทำงานที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึงความแตกต่างของกรองอากาศ และ เครื่องฟอกอากาศ เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม และ คุ้มค่ากับความต้องการ

 

ทำความเข้าใจว่ากรองอากาศคืออะไร?

โดยความหมาย และ หลักการทำงานของกรองอากาศ (Air Filter) นั้นเป็นอุปกรณ์ หรือ วัสดุที่ทำหน้าที่กรองฝุ่นละออง สิ่งแปลกปลอม และ มลพิษในอากาศที่ไหลผ่านระบบ โดยมากแล้วกรองอากาศจะถูกติดตั้งไว้ในระบบเครื่องปรับอากาศ เครื่องดูดอากาศ หรือ ระบบระบายอากาศภายในอาคาร กรองอากาศทำหน้าที่กรองเชิงกล (Mechanical Filtration) ซึ่งอาศัยโครงสร้างที่เป็นรูพรุนเพื่อดักจับฝุ่นซึ่งประเภทของกรองอากาศมีได้แก่

  1. กรองหยาบ (Pre-Filter) – สำหรับดักจับฝุ่นขนาดใหญ่ ขนสัตว์ หรือ เศษสิ่งสกปรก
  2. แผ่นกรองชั้นกลาง (Medium Filter) ที่มีความละเอียดมากกว่ากรองหยาบ - สำหรับกรองฝุ่นได้ในระดับตั้งแต่ 0.3-3 ไมครอน เช่น ฝุ่น PM กรองละเอียด (HEPA Filter) – สามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97-99.999%
    •  และยังช่วยยืดอายุการใช้งานของ HEPA Filter อีกด้วย

  3. กรองคาร์บอน (Activated Carbon Filter) – ใช้ดูดกลิ่น และ สารเคมีระเหย บางชนิด
  4. กรองสารเคมี (Chemical Filter) – ใช้สำหรับกรองสารเคมี เช่น กรด, เบส และฟอร์มาลดีไฮด์ และอื่นๆ

 

ทำความรู้จักกับเครื่องฟอกอากาศคืออะไร?

ทำความเข้าใจความหมาย และ การทำงานของ เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีระบบฟอกอากาศในตัว มักมีพัดลมดูดอากาศเข้าสู่ระบบกรองภายในที่ประกอบด้วยกรองหลายชั้น เช่น กรองหยาบ (Pre-Filter) กรองคาร์บอน กรองละเอียด (HEPA Filter) และ ในบางรุ่นอาจมีเทคโนโลยีเสริม เช่น ionizer หรือ UV-C เพื่อฆ่าเชื้อโรค และ ไวรัสได้ด้วย โดยคุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศจะสามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้, สามารถขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ , ในบางเครื่องยังสามารถฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัสได้ , ยังสามารถกำจัดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้ และ บางรุ่นสามารถควบคุมผ่านแอปพลิเคชันได้อีกด้วย

 

ข้อดี-ข้อเสียของกรองอากาศ

ก่อนอื่นเลยเราควรเข้าใจข้อดีของการกรองอากาศก่อนเพื่อเป็นการเข้าใจถึงคุณสมบัติของกรองอากาศ โดยกรองอากาศนั้นจะมีราคาประหยัดกว่า ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องใช้ไฟฟ้าใด อีกทั้งยังสามารถดูแลรักษาง่าย มีทั้งแบบถอดล้างได้และแบบใช้แล้วทิ้ง จึงเหมาะกับการติดตั้งในระบบแอร์ หรือ ระบบระบายอากาศ นั้นเอง

แต่กรองอากาศก็มีข้อเสียที่ไม่สามารถขจัดกลิ่น เชื้อโรค หรือ สารเคมีได้ รวมถึงประสิทธิภาพการกรองขึ้นอยู่กับการออกแบบระบบต่างๆ และ ไม่สามารถควบคุมการกรองอากาศที่แยกเป็นพื้นที่ได้

 

ข้อดี-ข้อเสียของเครื่องฟอกอากาศ

ต่อมาเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อดีของเครื่องฟอกอากาศกันต่อ โดยข้อดีของเครื่องฟอกอากาศนั้นจะมีระบบกรองหลายชั้นในเครื่องเดียวจึงสามารถกรองได้ละเอียดกว่า อีกทั้งยังสามารถขจัดเชื้อโรค กลิ่น และ ฝุ่นขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเหมาะสำหรับผู้แพ้ฝุ่น หรือ มีโรคทางเดินหายใจ และ ยังสามารถใช้งานได้ง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก นั้นเอง

 แต่เครื่องฟอกอากาศเองก็มีข้อเสียที่มีราคาสูงกว่าระบบกรองอากาศทั่วไป อีกทั้งต้องเปลี่ยนไส้กรองตามอายุใช้งานตลอดเวลา และ ต้องใช้ไฟฟ้าตลอดเวลาในการทำงานอีกด้วย

 

คำแนะนำในการเลือกซื้อกรองอากาศ และ เครื่องฟอกอากาศ

สำหรับระบบกรองอากาศนั้นมีคำแนะนำในการพิจารณาใช้งานดังนี้ ควรเลือกกรองอากาศ HEPA หากต้องการดักจับฝุ่นที่มีความละเอียด อีกทั้งควรพิจารณารูปแบบการติดตั้ง และ ขนาดของระบบเพื่อให้สามารถกรองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากเป็นสำหรับเครื่องฟอกอากาศนั้นควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ครอบคลุมตามขนาดห้อง (ตร.ม.)

อีกทั้งควรตรวจสอบค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) ว่ามีความเหมาะสมไหมทั้งยังควรพิจารณา
ฟีเจอร์เสริมต่างๆ เช่น เซนเซอร์อากาศ, แอป, โหมดเงียบ เป็นต้นเพื่อให้สามารถเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับผู้ใช้ที่สุด

จากที่กล่าวมาจะพบว่าแม้กรองอากาศ และ เครื่องฟอกอากาศมีเป้าหมายที่คล้ายกันคือ “ทำให้อากาศสะอาดขึ้น” แต่กลไก และ บริบทการใช้งานนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน กรองอากาศเหมาะกับการติดตั้งถาวรในระบบระบายอากาศ หรือ แอร์ และ มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ส่วนเครื่องฟอกอากาศจะเหมาะกับการใช้งานเฉพาะพื้นที่ เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้แพ้ฝุ่น หรือ เด็กเล็ก ซึ่งการเลือกใช้อุปกรณ์ใดขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของคุณ งบประมาณ และ พื้นที่ที่ต้องการดูแล เพื่อให้การลงทุนของคุณคุ้มค่าที่สุด ดังนั้นหากสนใจในการดูแลสภาพอากาศของคนที่คุณรักเราขอแนะนำ JAF เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์ และ โซลูชั่นเครื่องฟอกอากาศ และ ระบบกรองอากาศ ซึ่งสามารถกรองมลพิษทางอากาศได้อย่างเต็มที่อีกทั้งยังช่วย การควบคุมมลพิษทางอากาศที่ครอบคลุมทั้งบ้าน โดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน และ แก้ปัญหาลูกค้าให้หมดไป อีกทั้งยังมีบริการให้คำปรึกษาทั้งก่อน และ บริการหลังการขายที่ดีอีกด้วย

สนใจติดต่อสอบถาม 
บริษัท เจแปน แอร์ฟิลเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด

ที่อยู่ 499/26 หมู่ที่ 13 ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
TEL:02-186-8942-3, 096-801-2236
Email : sales@jafthailand.com