เลือกกรองแก๊สอย่างไรให้เหมาะกับงานอุตสาหกรรมของคุณ

เคล็ดลับการเลือกกรองแก๊สอย่างไรให้เหมาะสมกับงานอุตสาหกรรม

กรองแก๊ส

ในปัจจุบันงานอุตสาหกรรมแทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการผลิตอาหาร และ เครื่องดื่ม ปิโตรเคมี โรงงานอิเล็กทรอนิกส์ ยา และ แม้กระทั่งโรงไฟฟ้า “การกรองแก๊ส” ถือเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อควบคุมคุณภาพ ความปลอดภัย และ ประสิทธิภาพการทำงาน เพราะแก๊สที่ใช้ในกระบวนการผลิตมักจะมีสิ่งปนเปื้อน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น ความชื้น น้ำมัน หรือ สารเคมีที่อาจส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ เครื่องจักร หรือแม้แต่สุขภาพของพนักงาน การเลือกกรองแก๊ส (Gas Filter) ให้เหมาะสมจึงเป็นปัจจัยที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม ดังนั้นบทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงความสำคัญของการกรองแก๊ส ประเภทของกรองแก๊สที่ใช้กันในอุตสาหกรรม มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแนวทางการเลือกให้เหมาะสมกับงานของคุณ เพื่อช่วยให้โรงงาน หรือ ธุรกิจสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนระยะยาว และ เพิ่มความปลอดภัยสูงสุด

ทำความเข้าใจว่ากรองแก๊สคืออะไร

ต้องเข้าใจก่อนว่ากรองแก๊สเป็นอุปกรณ์ที่ใช้แยกสิ่งปนเปื้อนออกจากกระแสก๊าซ โดยอาศัยหลักการทางกายภาพ เช่น การกรอง การดูดซับ หรือ การแยกด้วยเมมเบรน สิ่งปนเปื้อนที่กรองได้รวมถึงอนุภาคแข็ง (Particulates) ละอองของเหลว (Aerosols) และ ก๊าซที่เป็นอันตราย (Gases) กรองแก๊สมักถูกใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อป้องกันการปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์ เพิ่มความปลอดภัยให้พนักงาน และ ลดการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม ในประเทศไทย อุตสาหกรรมที่ใช้กรองแก๊สมากที่สุด ได้แก่ ปิโตรเคมี การผลิตอาหาร และ การผลิตก๊าซธรรมชาติ ซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรฐานจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม (DIW) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (ERC)

วัสดุที่ใช้ในการตัวกรองแก๊สจะประกอบไปด้วยวัสดุต่างๆ เช่น

  • ใยแก้ว (Glass Fiber) : ที่เหมาะกับการดักจับอนุภาคละเอียด
  • ถ่านกัมมันต์ (Activated Carbon) : ใช้เพื่อกำจัดไอสารเคมี และ กลิ่นไม่พึงประสงค์
  • เมมเบรนโพลีเมอร์ (Polymer Membrane) : ใช้สำหรับงานที่ต้องการความละเอียดสูง
  • โลหะเผา (Sintered Metal) : มีคุณสมบัติทนความร้อน และ แรงดันสูงได้ดี


ความสำคัญของการกรองแก๊สในงานอุตสาหกรรม

  1. ช่วยปกป้องเครื่องจักร และ อุปกรณ์ต่างๆ

    แก๊สที่มีสิ่งปนเปื้อน เช่น ฝุ่น น้ำมัน หรือ ไอน้ำ สามารถทำให้วาล์ว ท่อ และ อุปกรณ์เสียหายเร็วกว่าปกติได้ ซึ่งการติดตั้งกรองแก๊สที่เหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรนั้นเอง

  2. รักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์

    ในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม หรือ ยา การมีสิ่งปนเปื้อนเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้คุณภาพสินค้าเสียหาย หรือ ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยของผู้บริโภค จึงมีการนำกรองแก๊สมาใช้เพื่อป้องกันการปนเปื้อนต่างๆ

  3. เพิ่มความปลอดภัยในกระบวนการผลิต

    ก๊าซที่ไม่สะอาดอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ไม่พึงประสงค์ หรือ สร้างบรรยากาศที่เป็นอันตรายต่อพนักงาน การใช้กรองแก๊สจะช่วยป้องกันความเสี่ยงนี้ได้

  4. ช่วยประหยัดพลังงาน และ ต้นทุน

    เมื่อใช้กรองแก๊สจะทำให้เครื่องจักรสะอาด และ สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็จะช่วยลดการใช้พลังงาน และ ลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงในระยะยาวได้


ประเภทของกรองแก๊สที่ใช้ในอุตสาหกรรม

  1. กรองอนุภาค (Particulate Filters)

    กรองแก๊สชนิดนี้จะใช้เพื่อกรองฝุ่นละออง สิ่งสกปรกที่เป็นของแข็ง โดยนิยมใช้ในระบบอากาศอัด (Compressed Air) จึงเหมาะกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร และ ยา

  2. กรองโคเลสซิง (Coalescing Filters)

    กรองแก๊สโคเลสซิงจะใช้เพื่อแยกละอองน้ำ และ น้ำมันที่ปะปนในก๊าซออกจากกัน โดยมีประสิทธิภาพสูงในการปกป้องเครื่องจักรที่ต้องการความสะอาดของแก๊สสูง เช่น เครื่องมือวัดความแม่นยำ

  3. กรองดูดซับ (Adsorption Filters)

    กรองแก๊สชนิดนี้นั้นใช้ในสารดูดซับ เช่น Activated Carbon เพื่อกำจัดกลิ่น ไอสารเคมี หรือ ก๊าซพิษบางชนิด นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และ โรงงานที่ต้องควบคุมกลิ่น

  4. กรองเมมเบรน (Membrane Filters)

    กรองแก๊ส ประเภทนี้จะใช้เมมเบรนกรองอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก จึงเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสะอาดสูงสุด เช่น อุตสาหกรรมยา และ ชีววิทยา

  5. กรองเฉพาะทาง (Specialty Gas Filters)

    กรองแก๊สเฉพาะทางนั้น เช่น กรองสำหรับก๊าซไฮโดรเจน ออกซิเจน หรือ ก๊าซเฉพาะในห้องแล็บ จะถูกออกแบบตามมาตรฐานความปลอดภัยเฉพาะการใช้งานนั้นๆ


ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกกรองแก๊สที่เหมาะสม

  1. ประเภทของก๊าซ

    ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าต้องรู้ว่าก๊าซที่ใช้คืออะไร เช่น อากาศอัด ไนโตรเจน ไฮโดรเจน หรือ ออกซิเจน เพื่อให้สามารถเลือกใช้กรองแก๊สได้อย่างเหมาะสม

  2. ลักษณะสิ่งปนเปื้อน

    อีกทั้งควรเข้าใจลักษณะสิ่งปนเปื้อนที่ต้องการกรองว่า เป็นฝุ่น ของแข็ง เป็นละอองน้ำมัน น้ำ
    หรือ เป็นไอสารเคมี

  3. อัตราการไหล และ แรงดันของก๊าซ

    เพื่อให้เลือกกรองแก๊สที่รองรับได้อย่างเหมาะสม ไม่เกิดปัญหาความดันตกคร่อม (Pressure Drop) ต้องเข้าใจถึงอัตราการไหล และ แรงดันที่ต้องการกรองก่อน

  4. สภาพแวดล้อมการใช้งาน

    สภาพแวดล้อม เองก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกใช้กรองแก๊ส เช่น อุณหภูมิสูง ความชื้นมาก หรือ พื้นที่ที่มีความเสี่ยงระเบิดสูง

  5. ค่าใช้จ่าย และ การบำรุงรักษา

    กรองแก๊สที่ดีไม่ควรมีราคาถูกเกินไป แต่ต้องดูอายุการใช้งาน และ ความถี่ในการเปลี่ยนไส้กรองเป็นหลักด้วย

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะพบว่าการเลือกกรองแก๊สที่เหมาะสมในงานอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่การเลือกไส้กรองที่ถูก หรือ แพง แต่ต้องพิจารณาตามประเภทของก๊าซ ลักษณะสิ่งปนเปื้อน มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง และ เงื่อนไขการใช้งานจริง หากเลือกถูกต้องเหมาะสม นั้นนอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องจักรและ ลดต้นทุนระยะยาวแล้ว ยังช่วยยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ และ ความปลอดภัยขององค์กรได้อย่างยั่งยืน ดังนั้นหากกำลังมองกรองแก๊สที่มีคุณภาพนั้นเราขอแนะนำ JAF เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์ และ โซลูชั่นกรองแก๊ส และ เครื่องฟอกอากาศ ซึ่งสามารถกรองมลพิษทางอากาศได้อย่างเต็มที่อีกทั้งยังช่วย การควบคุมมลพิษทางอากาศที่ครอบคลุมทั้งโรงงาน โดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน และ แก้ปัญหาลูกค้าให้หมดไป อีกทั้งยังมีบริการให้คำปรึกษาทั้งก่อน และ บริการหลังการขายที่ดีอีกด้วย

สนใจติดต่อสอบถาม 
บริษัท เจแปน แอร์ฟิลเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด

ที่อยู่ 499/26 หมู่ที่ 13 ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
TEL:02-186-8942-3, 096-801-2236
Email : sales@jafthailand.com