เครื่องเติมอากาศ vs เครื่องฟอกอากาศ ต่างกันอย่างไร?

เลือกใช้งานเครื่องเติมอากาศ และ เครื่องฟอกอากาศอย่างไรให้เหมาะสม

เครื่องฟอกอากาศ


ในยุคปัจจุบันที่มลภาวะทางอากาศ และ ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจได้เพิ่มสูงขึ้น ด้วยอุปกรณ์ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในบ้าน หรือ อาคาร เช่น เครื่องเติมอากาศ และ เครื่องฟอกอากาศ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีฝุ่น PM2.5 และมลพิษสูง อย่างไรก็ตาม ผู้คนจำนวนมากยังสับสนระหว่างเครื่องเติมอากาศ และ เครื่องฟอกอากาศ โดยคิดว่าทั้งสองมีหน้าที่เหมือนกัน หรือ บางครั้งเข้าใจว่าเมื่อมีเครื่องใดเครื่องหนึ่งแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้อีกเครื่อง ดังนั้นบทความนี้จะเจาะลึกถึงความแตกต่างระหว่างเครื่องเติมอากาศ และ เครื่องฟอกอากาศในทุกแง่มุม รวมถึงหลักการทำงาน ประโยชน์ ข้อจำกัด การใช้งานที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้อ่านสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมว่าควรเลือกอุปกรณ์ใด หรือ ควรใช้ทั้งสองควบคู่กัน

ทำความรู้จักกับเครื่องฟอกอากาศคืออะไร ?

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าเครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร โดยการกำจัดมลพิษ สารก่อภูมิแพ้ และ กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากอากาศภายในห้อง หลักการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ คือ การดูดอากาศภายในห้องผ่านระบบกรอง (Filter) หรือ เทคโนโลยีอื่น ๆ เพื่อดักจับสิ่งปนเปื้อน จากนั้นจะปล่อยอากาศที่สะอาดกลับออก มาแทนที่

โดยขั้นตอนการทำงานโดยทั่วไปของเครื่องฟอกอากาศสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้

  1. ดูดอากาศเข้าสู่เครื่อง: พัดลมภายในเครื่องฟอกอากาศจะดูดอากาศจากภายในห้องเข้ามา
  2. กรองสิ่งปนเปื้อน: ต่อมาอากาศจะผ่านชั้นกรองต่าง ๆ เช่น แผ่นกรอง HEPA, แผ่นกรองคาร์บอน หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น การใช้แสง UV หรือ ประจุไฟฟ้า
  3. ปล่อยอากาศสะอาด: อากาศที่ผ่านการกรองแล้วจะถูกปล่อยกลับออกสู่ห้องตามเดิม

ประโยชน์ และ ข้อจำกัดของการใช้เครื่องฟอกอากาศ

เครื่องฟอกอากาศนั้นมีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษสูงซึ่งนิยมใช้เครื่องฟอกอากาศ เพื่อประโยชน์ต่างๆ เช่น

  1. ลดฝุ่น และ สารก่อภูมิแพ้: เครื่องฟอกอากาศเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หรือ หอบหืด ที่จะช่วยลดอาการจาม คันตา หรือ หายใจติดขัด
  2. กำจัดกลิ่น: เครื่องฟอกอากาศช่วยให้อากาศในบ้านสดชื่นขึ้น โดยจะกำจัดกลิ่นจากอาหาร สัตว์เลี้ยง หรือ สารเคมี
  3. ลดความเสี่ยงจากเชื้อโรค: เครื่องฟอกอากาศในบางรุ่นสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และ ไวรัสในอากาศได้
  4. ปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ: อากาศที่สะอาดจะช่วยให้หายใจโล่ง และ นอนหลับสนิทมากขึ้น
  5. พกพาสะดวก: เครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่มีขนาดกะทัดรัด สามารถย้ายไปใช้ในห้องต่าง ๆ ได้ง่าย

แต่ถึงแม้ว่าเครื่องฟอกอากาศจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณาเช่นเดียวกัน เช่น

  1. แค่หมุนเวียนอากาศเดิม: เครื่องฟอกอากาศทำงานโดยการกรองอากาศภายในห้องเท่านั้น ไม่มีการนำอากาศใหม่จากภายนอกเข้ามา ทำให้ระดับ CO₂ ในห้องอาจสูงขึ้นหากห้องปิดทึบ
  2. ต้องเปลี่ยนแผ่นกรอง: แผ่นกรอง (โดยเฉพาะ HEPA และ คาร์บอน) ต้องเปลี่ยนเป็นประจำตามคำแนะนำของผู้ผลิต ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงได้
  3. ไม่ช่วยลดความชื้น หรือ อุณหภูมิ: เครื่องฟอกอากาศไม่ได้ออกแบบมาเพื่อควบคุมความชื้น หรือ ทำให้ในห้องเย็นลง
  4. ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับขนาดห้อง: หากใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าความสามารถของเครื่อง อาจได้ผลไม่เต็มที่
  5. ไม่แก้ปัญหาการระบายอากาศ: หากห้องมีอากาศอับ หรือ ขาดการถ่ายเท เครื่องฟอกอากาศอาจไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างสมบูรณ์

ทำความรู้จักกับเครื่องเติมอากาศคืออะไร?

ต้องเข้าใจว่าเครื่องเติมอากาศ (Ventilation System หรือ Air Exchanger) เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อนำอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้ามาในอาคาร พร้อมทั้งระบายอากาศเสีย หรือ อากาศเก่าภายในห้องออกไป เป้าหมายหลัก คือ การเพิ่มปริมาณออกซิเจน ลดระดับ CO₂ และ ปรับปรุงการหมุนเวียนของอากาศภายในพื้นที่ปิด บางรุ่นยังมีระบบกรองอากาศในตัวเพื่อให้อากาศที่เข้ามามีความสะอาด

โดยขั้นตอนการทำงานโดยทั่วไปของเครื่องเติมอากาศมีดังนี้

  1. ดูดอากาศจากภายนอก: อากาศจากภายนอกจะถูกดูดเข้ามาผ่านท่อ หรือ ช่องระบายอากาศ
  2. bอากาศที่เข้ามาจะผ่านระบบกรอง (เช่น แผ่นกรอง HEPA หรือ Pre-Filter) เพื่อกำจัดฝุ่นและ มลพิษก่อน
  3. แลกเปลี่ยนอากาศ: อากาศบริสุทธิ์จะถูกส่งเข้าสู่ห้อง ในขณะที่อากาศเสียภายในห้องถูกระบายออกไป
  4. ควบคุมอุณหภูมิ และ ความชื้น (ในบางรุ่น): เครื่องเติมอากาศบางรุ่นมีระบบ ERV (Energy Recovery 5.Ventilation) หรือ HRV (Heat Recovery Ventilation) ที่จะช่วยถ่ายโอนความร้อน หรือความชื้นระหว่างอากาศเข้า และ ออก เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในห้อง


ประโยชน์ และ ข้อจำกัดของเครื่องเติมอากาศ

เราจะพบว่าการใช้งานเครื่องเติมอากาศมีข้อดีที่แตกต่างจากเครื่องฟอกอากาศ โดยเฉพาะในด้านการระบายอากาศ ซึ่งสามารถแบ่งได้ เช่น

  1. เพิ่มออกซิเจน และ ลด CO₂: การนำอากาศใหม่เข้ามาภายในจะช่วยเพิ่มระดับออกซิเจน และ ลดการสะสมของ CO₂ จะทำให้รู้สึกสดชื่น และ มีสมาธิมากขึ้น
  2. ลดความอับชื้น: เครื่องเติมอากาศจะช่วยระบายอากาศเสีย และ ความชื้นส่วนเกิน เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราในบ้าน
  3. ปรับปรุงการหมุนเวียนอากาศ: เครื่องเติมอากาศเหมาะสำหรับห้องที่ปิดทึบ หรือ มีการระบาย อากาศที่ไม่เพียงพอ
  4. ลดฝุ่นสะสม: การใช้ระบบแรงดันบวก (Positive Pressure) ช่วยดันฝุ่น และ อากาศเสียออกจากห้อง ทำให้ฝุ่นไม่สะสม
  5. เหมาะสำหรับผู้ป่วยภูมิแพ้: อากาศบริสุทธิ์ที่ผ่านการกรองจะช่วยลดการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้


ถึงแม้ว่าเครื่องเติมอากาศจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณาในการใช้งานด้วย เช่น

  1. ขึ้นอยู่กับคุณภาพอากาศภายนอก: หากอากาศภายนอกมีมลพิษสูง (เช่น ฝุ่น PM2.5) ระบบกรองของเครื่องเติมอากาศต้องมีประสิทธิภาพสูงเพื่อป้องกันมลพิษเข้าสู่ห้อง
  2. การติดตั้งที่ซับซ้อน: เครื่องเติมอากาศบางรุ่น (เช่น ระบบ ERV/HRV) ต้องติดตั้งผ่านท่อระบายอากาศ ซึ่งอาจต้องปรับปรุงโครงสร้างบ้าน
  3. ค่าใช้จ่ายสูง: ทั้งค่าตัวเครื่อง ค่าติดตั้ง และ ค่าบำรุงรักษา (เช่น การเปลี่ยนแผ่นกรอง) อาจสูงกว่าเครื่องฟอกอากาศ
  4. อาจเพิ่มภาระเครื่องปรับอากาศ: การนำอากาศร้อนจากภายนอกเข้ามาอาจทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น เว้นแต่จะใช้ระบบ ERV/HRV
  5. เสียงรบกวน: เครื่องเติมอากาศบางรุ่นอาจมีเสียงดัง โดยเฉพาะหากติดตั้งไม่ดี หรือ ใช้ในห้องนอน

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะพบว่าเครื่องเติมอากาศ และ เครื่องฟอกอากาศต่างก็มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่ต่างกัน การเลือกใช้อุปกรณ์ใดนั้นควรขึ้นอยู่กับปัญหา และ ความต้องการของพื้นที่นั้น ๆ หากต้องการอากาศที่สะอาด ช่วยลดภูมิแพ้ และ เชื้อโรค การใช้ เครื่องฟอกอากาศ คือ คำตอบ แต่ถ้าต้องการให้ห้องอากาศหมุนเวียน หรือ ระบายความชื้น เครื่องเติมอากาศย่อมตอบโจทย์มากกว่า การเข้าใจความแตกต่างจะช่วยให้คุณเลือกอุปกรณ์ที่คุ้มค่า และ มีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นหากต้องการใช้ระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพ เราขอแนะนำ JAF เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์ และ โซลูชั่นเครื่องเติมอากาศ และ เครื่องฟอกอากาศ ซึ่งสามารถกรองมลพิษทางอากาศได้อย่างเต็มที่อีกทั้งยังช่วย การควบคุมมลพิษทางอากาศที่ครอบคลุมทั้งโรงงาน โดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน และ แก้ปัญหาลูกค้าให้หมดไป อีกทั้งยังมีบริการให้คำปรึกษาทั้งก่อน และ บริการหลังการขายที่ดีอีกด้วย

สนใจติดต่อสอบถาม 
บริษัท เจแปน แอร์ฟิลเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด

ที่อยู่ 499/26 หมู่ที่ 13 ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
TEL:02-186-8942-3, 096-801-2236
Email : sales@jafthailand.com